วิเคราะห์เพลงทั้ง 5 จาก Weathering With You

Look at Weathering With You's 5 songs - graphic

ในการรับชมภาพยนตร์ สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศให้กับเรื่องราวก็คือบทเพลงค่ะ

ใน Your Name (Kimi no Na wa) ภาพยนตร์ของชินไค มาโคโตะ เรื่องก่อนหน้า มีเพลงประกอบที่เป็นเพลงร้องอยู่ทั้งหมด 4 เพลง ได้แก่ Yume Tourou, Zen Zen Zense, Sparkle และ Nandemonaiya ซึ่งแต่ละเพลงนอกจากจะเสริมให้คนดูคล้อยตามด้วยดนตรีที่ก้าวข้ามกำแพงภาษาแล้ว เนื้อเพลงยังสื่อถึงธีมเรื่องและความรู้สึกนึกคิดของตัวละครในฉากนั้นๆ จนวง RADWIMPS เจ้าของเพลง ยังถึงกับต้องทำเพลงเวอร์ชั่นแปลอังกฤษเพื่อประกอบ Your Name แบบพากย์ภาษาอังกฤษเลยทีเดียว

ใน Weathering With You (Tenki no Ko) ที่มีเพลงร้องทั้งหมด 5 เพลง ผู้กำกับชินไคก็ได้มีการนำบทเพลงมาใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน มีเพลงอะไรกันบ้าง เพลงแต่ละเพลงขึ้นมาตอนฉากไหน มีความหมายว่าอย่างไร และน่าจะจงใจให้ผู้ชมทราบอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวมากขึ้นบ้าง เราจะมาสำรวจกันในบทความนี้เลยค่ะ!

[มีการเปิดเผยส่วนสำคัญของเนื้อหา]

เพลงที่ 1 : Kazetachi no Koe / เสียงแห่งเหล่าสายลม


โฮดากะที่หนีออกจากบ้านมายังเมืองโตเกียวต้องมาประสบกับความโหดร้ายของเมืองใหญ่ เร่ร่อนหางานและที่อยู่ในฐานะเด็กอายุ 16 ปีที่ยังเป็นผู้เยาว์ โชคยังดีที่สุดท้ายคุณสุกะที่เคยช่วยเหลือเขาไว้ยอมจ้างมาช่วยงานบริษัทเล็กๆ ให้เขามีอาหาร มีที่อยู่ และมีรายได้ (แม้จำนวนเงินจะน้อยนิดก็ตาม)

ในตอนที่ชีวิตที่โตเกียวของโฮดากะเริ่มต้นที่จะลงตัว เพลง Kazetachi no Koe ก็ดังขึ้น

ในแง่ของจังหวะการขึ้นเพลง เรารู้สึกว่าคล้ายกับฉากที่ขึ้นเพลง Zen Zen Zense ใน Your Name มากทีเดียว เพราะเป็นฉากการปูพื้นเพของชีวิตตัวละคร ที่ใช้เพลงสอดแทรกความสนุกสนานตื่นเต้นของการพบประสบการณ์แปลกใหม่ แม้ว่าใน Weathering With You จะมีภาพทับซ้อนของฝนที่ตกโปรยปรายเป็นฟิลเตอร์ของความเซื่องซึมอยู่ก็ตาม แต่ความตื่นเต้นของโฮดากะก็สามารถสื่อออกมาถึงผู้ชมได้ผ่านดนตรีที่ฟังสนุกๆ

เนื้อเพลงของ Kazetachi no Koe นั้นเต็มไปด้วยความฝันและความกระตือรือร้นที่จะผจญภัย อาจจะสื่อถึงความรู้สึกของโฮดากะที่หนีออกจากบ้านมาก็ได้ ว่าเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระและสามารถลองทำสิ่งต่างๆ ได้เต็มที่ ดังเพลงที่ขึ้นมาท่อนแรกว่า


風が僕らの前で急に舵を切ったのを感じた午後
ยามเย็นที่รู้สึกได้ว่า จู่ๆ สายลมได้เปลี่ยนทิศไปต่อหน้าต่อตาพวกเรา

今ならどんな無茶も世界記録も利き手と逆で出せるような
รู้สึกราวกับว่าถ้าเป็นตอนนี้ จะความหลุดโลกแบบไหน หรือสถิติใหม่อะไร
ก็สามารถทำได้ด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด


“สายลมเปลี่ยนทิศ” อาจจะหมายถึงตอนที่ชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไป จนทำให้เกิดความรู้สึกว่า “จะเป็นเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น!” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากสักแค่ไหน แถมยังทำได้อย่างง่ายดาย (“ด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด”) อีกต่างหาก

แน่นอนว่าเนื้อเพลงเต็มไปด้วยความมั่นใจในแบบของเด็กที่กำลังเลือดร้อนและไร้เดียงสา เป็นตัวแทนความคิดของโฮดากะได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นในส่วนหนึ่งของท่อนฮุก


神様早く次を僕にくれよ
พระเจ้า รีบๆ มอบสิ่งถัดไปให้กับผมเร็วๆ ที

みっともないくらいの声で ありえないくらいのこの気持ちを
ด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร ความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะเป็นไปได้เท่าไรนี้

僕に叫ばせてよ(叫ばせてよ)腐らせないでよ(捨てないでよ)
ผมจะตะโกนมันออกไปให้กู่กัอง อย่าปล่อยให้มันไร้ความหมายเชียวล่ะ

僕らの持て余した勇気 使わせてよ
ความกล้าที่พวกเรามีอยู่ล้นเหลือ จะใช้มันให้ดู


สายลม สำหรับญี่ปุ่น นิยมนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์เปรียบถึงการเติบโต และอิสระ [1] [2] แต่ที่น่าสนใจคือ ในหลายๆ ความเชื่อที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น สายลมมักจะเชื่อว่าเป็น ข้อความจากสวรรค์ หรือวิธีการที่เทพเจ้าจะสื่อสารกับมนุษย์ อาจจะเป็นอุปสรรคที่เทพเจ้าส่งมา หรือรางวัลที่ท่านมอบให้ก็ได้ [3] ซึ่งสัมพันธ์กับเนื้อเพลงข้างต้นที่ผู้ร้องได้ร้องตะโกนให้เทพเจ้าส่งอุปสรรคมาให้ฝ่าฟัน และสัมพันธ์กับแนวคิดญี่ปุ่นในเรื่องที่ว่าเทพเจ้าเป็นผู้บันดาลฟ้าฝนด้วย

เมื่อมองอย่างนั้นแล้ว ชื่อเพลง Kazetachi no Koe (風たちの声 / เสียงแห่งเหล่าสายลม) จะหมายถึงเสียงกู่ร้องหาอิสระ หรืออาจหมายถึงเสียงของเทพเจ้าผู้บันดาลลมฟ้าก็ได้

นอกจากนี้ อีกส่วนที่น่าสนใจคือเนื้อเพลงท่อนนี้


「さよなら」のないハローと「仕方ない」のない未来と
ทั้งการสวัสดีที่ไม่มีคำว่า “ลาก่อน” หรืออนาคตที่ไม่มีคำว่า “ช่วยไม่ได้นี่นา"

鍵のないドアだらけの心で
และประตูที่ไร้กุญแจไข ในใจเต็มไปด้วยสิ่งเหล่านั้น


เนื้อเพลงด้านบนมีความเชื่อมโยงต่อไปยังเนื้อเพลงของเพลงร้องที่ดังขึ้นเป็นลำดับถัดไป นั่นก็คือ…

เพลงที่ 2 : Shukusai / งานเฉลิมฉลอง



聴きたい曲も見つからない 憂鬱な一日の始まりが
วันหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นด้วยความเซื่องซึม ไม่พบเพลงไหนที่อยากจะฟัง

君の大げさな「おはよう」で すべて変わってしまう不思議
แต่ด้วยเสียงตะโกนว่า “อรุณสวัสดิ์” ของเธอ ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป แปลกจัง


เสียงร้องของคุณมิอุระ โทโกะ ในเพลง Shukusai ดังขึ้น ในช่วงที่โฮดากะกับฮินะเริ่มที่จะทำงานสาวฟ้าใสด้วยกัน ฉากในช่วงนั้นเป็นเนื้อเรื่องช่วงที่สนุกสนานที่ทั้งสองได้ช่วยเหลือผู้คนมากมาย เมื่อประกอบกับเสียงร้องเพลงใสๆ และภาพแดดออกงามๆ ก็ทำให้เป็นช่วงที่ดูแล้วรู้สึกมีความสุขที่สุดของภาพยนตร์เลย (อย่างน้อยก็สำหรับเรา)


Ima kara hareru yo!
แดดออกงามๆ ><

เนื้อเรื่องส่วนนี้ นอกจากจะเป็นการปูพื้นเรื่องพลังสาวฟ้าใสของฮินะแล้ว ยังเป็นการปูพื้นความสัมพันธ์ของโฮดากะกับฮินะและนางิน้องชายของเธออีกด้วย ในทำนองนั้น เนื้อเพลง Shukusai ทั้งเพลง บอกเล่าเรื่องราวของการตกหลุมรัก ผ่านถ้อยคำที่น่ารักชวนให้ยิ้ม
臆病とは病だとしたら 治る気配もない僕の
ถ้าเกิดว่าความขี้ขลาดคือโรคร้าย ผมคงไม่มีท่าทีว่าจะหาย
目の前に現れたあなたは まるでさも 救世主顔
แต่เธอที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า ช่างราวกับผู้ที่จะมาช่วยเหลือ


เนื้อเพลงคาดเดาได้ว่ามาจากมุมของโฮดากะเช่นเดิม เพราะมุมมองของเขาสัมพันธ์กับเนื้อเพลงด้านบน นั่นคือโฮดากะมีฮินะเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือให้เขา “หาย” จากอาการขี้ขลาดที่เป็นอยู่


僕の中を光らせる鍵を なぜに君に持たせたのか
กุญแจที่จะทำให้ผมสว่างไสวข้างใน ทำไมเธอถึงได้เป็นผู้ถือไว้งั้นหรือ

そのワケをただ知るそのために 生きてみるのも悪くはないよね
ถ้าผมจะลองมีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจเหตุผลนั้น ก็คงไม่แย่อะไรล่ะนะ


แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเป็นความจงใจหรือเปล่า แต่คำว่า “กุญแจที่ทำให้ผมสว่างไสวข้างใน (僕の中に光らせる鍵)” มันเอะใจเรา จนทำให้ย้อนนึกไปถึงเนื้อเพลงในเพลง Kazetachi no Koe ที่มีท่อนกล่าวว่า “鍵のないドアだらけの心で (หัวใจที่เต็มไปด้วยประตูที่ไร้กุญแจไข)” 

ตามที่กล่าวมาในหัวข้อก่อนหน้า เนื้อเพลงทั้งสองน่าจะเชื่อมโยงกัน โดย ในตอนแรกในใจของโฮดากะมี “ประตู” ที่รอกุญแจมาไข แล้วฮินะก็คือผู้ถือกุญแจนั้นไว้ เมื่อไขแล้วเขาก็ “สว่างไสว” ขึ้นมาด้วย สมกับเป็นสาวฟ้าใสจริงๆ เล้ย

เรามีไอเดียที่เป็นแค่การคาดเดาว่า ใน context ของเรื่อง คำว่า “ทำให้สว่างไสว” นั้น อาจจะหมายถึงแสงที่โฮดากะไล่ตามมาก็ได้ เขามีความค้างคาใจเกี่ยวกับแสงนั้นอยู่ (เหมือนกับเป็น "ประตู" ที่เปิดไม่ออก) และสุดท้ายเมื่อตามแสงไปก็ไปพบกับฮินะที่ช่วยคลายความค้างคา และทำให้เขาเข้าไปอยู่ในลำแสงนั้นได้ในที่สุด

ขอจบหัวข้อนี้ด้วยท่อนฮุกของเพลง ที่ร้องตะโกนความรู้สึกของโฮดากะออกมาว่า

君じゃないとないよ 意味は一つもないよ
ถ้าไม่ใช่เธอก็ไม่ได้หรอก คงไม่มีความหมายเลยสักนิดเดียว
ムキになって「なんでよ?」って聞かないでよ
เธออย่าถามออกมาว่า “ทำไมน่ะ?” ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเลย
キリがないが言うよ 君がいい理由を
ผมจะตอบว่าเหตุผลมีอยู่นับไม่ถ้วน เหตุผลที่ต้องเป็นเธอ
2020番目からじゃあ言うよ
จะบอกเธอตั้งแต่เหตุผลลำดับที่ 2020 ขึ้นมาเลย
キリがないが言うよ 君がいい理由を
ผมจะตอบว่าเหตุผลมีอยู่นับไม่ถ้วน เหตุผลที่ต้องเป็นเธอ
1番目は君があてて
ผมจะให้เหตุผลลำดับที่ 1 เป็นเธอ

เพลงที่ 3 : Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai / ยังมีอะไรที่ความรักพอจะทำได้อยู่บ้างไหม?



หลังจาก Shukusai เพลงร้องก็หายจากภาพยนตร์ไปนานเพื่อดำเนินเรื่องราวไปข้างหน้าอย่างรวบรัด จนกระทั่งถึงจุดไคลแมกซ์ เพลง Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai ก็ดังขึ้นมาสมการรอคอย

เราเคยแปลเพลง Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai ไว้ในโพสต์นี้ ซึ่งเนื้อหาโดยรวมรำพันถึงความไร้พลัง และตั้งคำถามที่ถามขึ้นซ้ำๆ ตลอดความยาวเพลงว่า


愛にできることはまだあるかい
ยังมีอะไรที่ความรักพอจะทำได้อยู่บ้างไหม?

僕にできることはまだあるかい
ยังมีอะไรที่ผมพอจะทำได้อยู่บ้างไหม?


ถ้าจะให้แคบลงอีกนิด เพลงนี้ดังขึ้นในฉากที่โฮดากะถูกตำรวจล้อมเอาไว้บนตึก ตอนที่พยายามจะขึ้นดาดฟ้าเพื่อไปช่วยฮินะ ความรู้สึกของโฮดากะตั้งแต่ฮินะหายไปคงจะเป็นความไร้พลังและการรำพันในแบบเดียวกับในเพลง ทำนองว่า “ฉันรักเธอก็จริง แต่ความรักจะมีความหมายอะไรล่ะถ้าฉันช่วยเธอไม่ได้? แล้วคนอย่างฉันจะทำอะไรเพื่อช่วยเธอได้บ้าง?”

เพลง Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai แบบ Movie Edit มีการแทรกเนื้อเพลงช่วง verse ที่ 2 (หลังจากฮุกแรก) ของเพลงเต็ม เข้ามาใน verse ที่ 1 ก็คือเนื้อเพลงที่ว่า


運命とはつまり サイコロの出た目?
โชคชะตานี้ถูกกำหนด เพียงด้วยหน้าลูกเต๋าที่ถูกทอยออกมางั้นหรือ

はたまた神の いつもの気まぐれ
หรือว่าจะเป็นบัญชาอันแปลกประหลาดของเหล่าเทพเจ้ากัน


แนวคิดของเพลงส่วนนี้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าโชคชะตาได้ถูกกำหนดไว้แล้วโดยเหล่าทวยเทพ หรือถ้าให้พูดใน context ของเนื้อหาภาพยนตร์ คือ โชคชะตาของฮินะถูกกำหนดเอาไว้แล้วโดยเหล่าทวยเทพว่าจะต้องหายขึ้นไปอยู่บนฟ้า แต่ในฉากไคลแมกซ์นี้ โฮดากะที่รู้ถึง “ความจริง” ข้อนี้ก็ยังดึงดันจะช่วยเหลือฮินะจากโชคชะตาให้ได้

เพลงหยุดลงเพื่อเปิดทางให้กับเพลงร้องเพลงถัดไป คือ Grand Escape จนเมื่อ Grand Escape จบลง Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai ก็ดังขึ้นอีกครั้งในฉากที่ฮินะกับโฮดากะกลับลงมาสู่พื้นโลกแล้ว 

ในตอนที่โฮดากะพาฮินะหลบหนีจากโชคชะตาได้สำเร็จแล้วนี้ เนื้อเพลงกล่าวว่า


愛の歌も 歌われ尽くした
บทเพลงเกี่ยวกับรักถูกขับร้องเสียจนไม่เหลือความสำคัญ

数多の映画で 語られ尽くした
ความรักถูกเล่าซ้ำในภาพยนตร์มากมายจนหมดมนตรา

そんな荒野に 生まれ落ちた僕、君 それでも
ผมและเธอเกิดมาภายใต้แดนปรักหักพังแห่งนี้ แต่ทว่า


ฉากและเพลงจบลงที่ตรงนั้น แต่ว่าในเพลง full version มีเนื้อร้องต่อไปว่า


愛にできることはまだあるよ
ยังมีบางสิ่งที่ความรักพอจะทำได้อยู่

僕にできることはまだあるよ
ยังมีบางสิ่งที่ผมพอจะทำได้อยู่


ความรู้สึกและความพยายามของโฮดากะมีความหมาย คำถามที่เพลงพร่ำถามถึงได้รับคำตอบแล้ว

เพลงที่ 4 : Grand Escape / หลบหนีจากโชคชะตา



Grand Escape เป็นอีกหนึ่งเพลงของช่วงไคลแมกซ์ที่บรรเลงพร้อมกับฉากช่วยฮินะลงมาจากฟากฟ้า ชื่อเพลงบ่งบอกว่าเกี่ยวกับการหนี แต่ว่าหนีจากอะไรกันล่ะ?

ถ้าหากอิงตามสิ่งที่เกิดขึ้นในฉาก สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะบอกได้ก็คือ หนีจากโชคชะตา ฮินะจะต้องเป็นเครื่องสังเวยเพื่อให้สภาพอากาศหยุดแปรปรวน แต่โฮดากะกำลังบอกให้ช่างโชคชะตานั้นซะ ให้หยุดแบกรับความรับผิดชอบนั้นที่เธอไม่ควรจะมีมาตั้งแต่แรก

ในฝั่งของเนื้อเพลงกำลังบอกเล่าเรื่องราวในแง่มุมที่แตกต่างออกไปทีเดียว


重力が眠りにつく 1000年に一度の今日 
วันนี้เป็นครั้งเดียวในรอบหนึ่งพันปีที่แรงโน้มถ่วงจะหลับไป

太陽の死角に立ち 僕らこの星を出よう 
เรามายืนหลบในจุดบอดของดวงอาทิตย์ แล้วหนีออกไปจากดาวดวงนี้กัน

彼が目を覚ました時 連れ戻せない場所へ 
เมื่อเขากลับมาลืมตาตื่น เราจะมุ่งสู่แดนอันไม่อาจหวนคืน

「せーの」で大地を蹴って ここではない星へ 
พูด “พร้อม-ไป” แล้วถีบเท้าออกไป สู่ดาวอื่นที่ไม่ใช่ดวงนี้กัน


เนื้อเพลงดังกล่าวมาจากส่วนของเพลงตอนที่เริ่มจะ upbeat ขึ้น จะเห็นได้ว่าเนื้อเพลงกำลังบอกเล่าถึงการหนีจากโลก หนีจากความจริงไป ซึ่งเข้ากับภาพของโฮดากะกับฮินะที่ลอยต้านอากาศกันเหนือพื้นโลกอยู่มากๆ


Weathering With You 4D Poster
ฉากในโปสเตอร์นี้เลย!!

หลังจากนั้นจะเป็นท่อนที่คุณมิอุระ โทโกะ กับ RADWIMPS ร้องสลับกันว่า


行こう
ไปกันเถอะ

もう少しで運命の向こう もう少しで文明の向こう
อีกนิดหนึ่ง ให้ข้ามผ่านโชคชะตาไป อีกนิดหนึ่ง ให้ผ่านเลยอารยธรรมไป


การใช้คำว่า もう少しで (mou sukoshi de / อีกนิดหนึ่ง) ในจุดนี้ชวนให้นึกถึงท่อน もう少しだけでいい (mou sukoshi dake de ii / อีกสักนิดก็ยังดี) ของเพลง Nandemonaiya มากๆ อาจเป็นการจงใจสอดแทรกให้มีความเชื่อมโยงเล็กๆ เข้าไป หรือที่จริงอาจจะไม่มีอะไร ก็เป็นไปได้ (ฮา)

แม้ว่าพวกเขาจะกำลังตกกลับลงสู่พื้นโลก แต่เพลงกำลังบอกถึงความรู้สึกที่น่าจะอยู่ในใจของตัวละครในตอนนั้น คือความรู้สึกที่อยากจะเป็นอิสระ อยากจะหลบหนีจากพันธะผูกพันของโลกที่คอยรั้งเอาไว้ แม้ว่าสุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลับมาอยู่ดีก็เถอะ แต่ในเนื้อเพลง พวกเขาได้หนีออกจากโลกสำเร็จไปแล้ว


夢に僕らで帆を張って 来るべき日のために夜を超え
พวกเราได้ชักเรือใบไว้ด้วยความฝัน ข้ามผ่านค่ำคืนไปเพื่อยามเช้าที่จะมาถึง

いざ期待だけ満タンで あとはどうにかなるさと 肩を組んだ
ด้วยความหวังที่มีอยู่เต็มเปี่ยม เราได้กอดคอกันและเชื่อว่า มันคงจะมีสักทาง

怖くないわけない でも止まんない
ไม่ใช่ว่าไม่กลัว แต่พวกเราจะไม่หยุดหรอก

ピンチの先回りしたって 僕らじゃしょうがない
จะมีอุปสรรคยากลำบากก็คงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้

僕らの恋が言う 声が言う
แต่ความรักของพวกเรากำลังกู่ร้อง บอกออกมาเป็นเสียง

「行け」と言う
บอกว่า “ไปกันเลย”


เป็นเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยความหวัง นอกจากนี้ยังแอบกระซิบว่า "ทุกอย่างจะไม่เป็นไร" ออกจะไปในทางเดียวกันกับเพลงถัดไป ที่เป็นเพลงสุดท้ายในเรื่องเลย...

เพลงที่ 5 : Daijoubu / มันจะไม่เป็นไร


3 ปีผ่านไป โตเกียวพบกับภัยพิบัติน้ำท่วมจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง มีเพียงเขาสองคนที่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น และการตัดสินใจของโฮดากะมีผลต่อเหตุการณ์นี้เท่าไร

“การตัดสินใจนี้ มันดีแล้วเหรอ?” คงจะเป็นคำถามหนึ่งที่ภาพยนตร์ชวนให้ขบคิด ทั้งฮินะและโฮดากะเองก็คงจะคิดไม่ตกเหมือนกัน เนื้อหาของเพลง Daijoubu ที่ชื่อแปลตรงตัวได้เป็นทั้งคำถามว่า “เป็นอะไรไหม?” หรือคำบอกเล่าว่า “ไม่เป็นไร” อาจจะเป็นความรู้สึกผิดของโฮดากะ และความกังวลที่ว่าฮินะจะต้องแบกรับความรู้สึกผิดที่หนักอึ้งยิ่งกว่า


世界が君の小さな肩に 乗っているのが
การที่เธอต้องแบกโลกเอาไว้บนไหล่เล็กๆ นั้น

僕にだけは見えて 泣き出しそうでいると
มีเพียงผมคนเดียวที่เห็น เสียจนอยากจะร้องไห้ออกมา

「大丈夫?」ってさぁ 君が気付いてさ 聞くから
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอสังเกตเห็นและถามออกมา

「大丈夫だよ」って 僕は慌てて言うけど
“ไม่เป็นไรน่า” ผมลนลานตอบไป แต่ว่า

なんでそんなことを 言うんだよ
ทำไมถึงได้พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ

崩れそうなのは 君なのに
ทั้งๆ ที่คนที่กำลังทรุดลงไป ก็คือตัวเธอเองนี่นา


แม้ว่าจะมีความกังวล แม้ว่าสภาพของโลกที่พวกเขา “เลือก” จะดูเหมือนไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไรนัก แต่ก็เป็นอย่างที่โฮดากะได้เห็นในช่วงจบของเนื้อหาว่า มนุษย์ยังมีความหวังและคอยปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้เสมอ… ทุกอย่างจะไม่เป็นไร ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือแค่คำปลอบใจก็ตาม

เพลงจบลงที่ว่า โฮดากะอยากจะช่วยฮินะแบกรับความรู้สึกนั้นไปด้วยกัน


取るに足らない 小さな僕の 有り余る今の 大きな夢は
ความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่เกินตัวสำหรับผมที่เป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่สำคัญอะไร

君の「大丈夫」になりたい 「大丈夫」になりたい
คืออยากจะเป็นคำว่า “ไม่เป็นไร” ของเธอ อยากที่จะ “ไม่เป็นไร”

君を大丈夫にしたいんじゃない 君にとっての 「大丈夫」になりたい
ไม่ใช่แค่ว่าอยากจะทำให้เธอไม่เป็นไร แต่อยากจะเป็นคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้กับเธอ

ก่อนจบบทความ : การใช้เพลงของ Weathering With You 

ก่อนที่จะจบบทความลง อยากจะเพิ่มเติมว่า รู้สึกว่าทั้งโครงสร้างการดำเนินเรื่องและการใช้เพลงของ Weathering With You คล้ายกับ Your Name มากจริงๆ กล่าวคือ
  • เพลงช่วงแรกจะมาในช่วงปูพื้นความสัมพันธ์ตัวละคร ทับกับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตัวละครพบเจอในช่วงเวลาหนึ่ง (Your Name = Zen Zen Zense / Weathering With You = Kazetachi no Koe + Shukusai)
  • เพลงช่วงถัดไปจะเป็นในตอนไคลแมกซ์ และเน้นการเสริมหรือ “ขยี้” อารมณ์ของคนดูในฉากนั้น ที่มักจะเป็นฉากนานๆ (Your Name = Sparkle / Weathering With You = Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai + Grand Escape) อาจเสริมว่าเป็นตอนที่ตัวละครหลักจะต้องแยกจากกันไปด้วย
  • เพลงช่วงสุดท้ายจะเป็นตอนจบ ซึ่งเป็นตอนที่ตัวละครหลักได้กลับมาพบกัน (Your Name = Nandemonaiya / Weathering With You = Daijoubu)

สรุป

แต่ละเพลงในเพลงร้องทั้ง 5 ของ Weathering With You นั้น ต่างก็ช่วยเสริมบรรยากาศและเรื่องราวในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเพื่อบอกเล่าความรู้สึกของตัวละคร เพื่อขับเน้นประเด็นหลายๆ อย่างของเรื่อง หรือเพื่อช่วยให้ผู้ชมมีความรู้สึกคล้อยตาม

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาต่างๆ ในบทความนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่เราสังเกตได้ การตีความ และความคิดของเราเอง เราอาจจะใจตรงกัน หรืออาจจะคิดแตกต่างจากคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย 

คิดเห็นต่อเพลงใน Weathering With You อย่างไรกันบ้าง หรือชอบเพลงไหนเป็นพิเศษ มาแบ่งปันความคิดเห็นกันได้เลยนะคะ!

Love Hina <3
ปล. ฮินะเดอะเบสท์~!

อ้างอิง

[1] Five Elements in Japanese Philosophy | Wikipedia          https://en.wikipedia.org/wiki/Five_elements_(Japanese_philosophy)
[2] How to Write Five Elements in Japanese Kanji | ThoughtCo
[3] Symbolism of Wind | Symbolism Wikia

เนื้อเพลงทั้งหมด อ้างอิง Lyrical Nonsense 

ความคิดเห็น

POPULAR | ยอดเข้าชมสูง

[แปลเพลง] RADWIMPS - Ai ni Dekiru Koto wa Mada Aru Kai? (OST. Weathering With You ฤดูฝัน ฉันมีเธอ)

รีวิว - Violet Evergarden: Eternity and the Auto Memory Doll

[แปลเพลง] World Changer (THE IDOLM@STER MILLION LIVE! TC02)

[Eng Translation] Xs - Rabbit Fur (THE IDOLM@STER MILLION LIVE! MTW03)

[แปลเพลง] (G)I-DLE - Light My Fire